รับโปรโมชั่นพิเศษ เฉพาะคุณเท่านั้น

ช่วงนี้ออกจากบ้านทีไรนึกว่าหมอกลง ที่ไหนได้เป็นฝุ่น PM 2.5 หรือมลพิษทางอากาศตัวร้าย ที่ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อสุขภาพทางการหายใจเท่านั้น แต่ยังทำลายผิวหน้าได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น สิว ผดผื่น ผิวแห้งและระคายเคือง โดยเฉพาะคนที่มีผิวบอบบาง หรือมีปัญหาผิวอยู่แล้ว ดังนั้น การดูแลผิวอย่างถูกวิธี และหัตถการที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อฟื้นฟูผิว และป้องกันปัญหาผิว บทความนี้จะมาแนะนำวิธีกู้ผิวให้กลับมาหน้าใสวิ้งเหมือนเดิม ตามมาอ่านบทความนี้กันเลย!
PM 2.5 คือ ฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ลอยอยู่ในอากาศ ซึ่งมีขนาดเล็กมากจนเราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ตัวเลข “2.5” หมายถึง ขนาดของฝุ่นที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมครอน ( ไมครอนคือหน่วยวัดขนาดที่เล็กมาก ๆ ) ซึ่งฝุ่นชนิดนี้มีขนาดเล็กกว่าผมมนุษย์หลายเท่า ฝุ่นละอองเหล่านี้สามารถผ่านเข้าสู่ผิวหนังได้ง่าย แม้จะดูแลความสะอาดอย่างดี หรือใส่หน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นอย่างแน่นหนา อีกทั้งในด้านระบบทางเดินหายใจ PM 2.5 สามารถแทรกซึมเข้าสู่ปอด และกระแสเลือดได้อย่างง่ายดาย ส่งผลให้หายใจเหนื่อยหอบ
สาเหตุสำคัญของการเกิด PM 2.5 ในประเทศไทย ตามการวิเคราะห์ของหลายสถาบันวิจัย และข้อมูลจากภาครัฐ คือการเผาในที่โล่ง ซึ่งรวมถึงการเผาป่า การเผาเพื่อการเกษตร และการเผาขยะ นอกจากนี้ ยังมีแหล่งกำเนิดจากภาคอุตสาหกรรม การขนส่ง และการผลิตไฟฟ้า ซึ่งมีส่วนในการปล่อย PM2.5 เช่นกัน
ฝุ่น PM 2.5 ไม่เพียงแต่เป็นปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจเท่านั้น แต่ยังส่งผลเสียต่อผิวหนังของเราอย่างมาก เพราะฝุ่น PM 2.5 เป็นมลพิษที่มีอนุภาคเล็กขนาดเพียง 2.5 ไมครอน ซึ่งเล็กกว่าขนาดของรูขุมขนบนใบหน้า จึงสามารถแทรกซึมเข้าสู่ผิวได้โดยตรง ทำให้เกิดปัญหาผิวหลายประเภท นอกจากนี้ ผิวของเราต้องเผชิญกับมลภาวะ และสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ทุกวัน ทำให้หลีกเลี่ยงผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 ได้ยาก ซึ่งผลกระทบจากฝุ่นนี้สามารถแบ่งออกได้เป็นสองระยะ ขึ้นอยู่กับความเข้มข้น และระยะเวลาที่ผิวต้องสัมผัส ดังนั้นเราควรเข้าใจถึงปัญหาที่ผิวของเราอาจต้องเผชิญจากฝุ่นเหล่านี้เพื่อเตรียมพร้อมในการปกป้องผิวให้ดีที่สุด
เมื่อฝุ่น PM 2.5 เข้าสู่ผิวหนัง จะสามารถทำลายเซลล์ผิวโดยเฉพาะโปรตีนที่ชื่อว่า Filaggrin ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการปกป้องผิว และช่วยเสริมสร้าง Skin Barrier ของผิวหนัง หากโปรตีนนี้ถูกทำลาย จะทำให้ผิวหนังอ่อนแอ และบอบบางมากขึ้น จนมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อจากแบคทีเรีย, ยีสต์ หรือไรขนได้ง่ายขึ้น ผิวก็จะถูกทำลายได้ง่าย
นอกจากนี้ ฝุ่น PM 2.5 ยังสามารถกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของผิวหนัง เช่น การแสบร้อน ระคายเคืองผิว มีสิว ผดผื่น และปัญหาผิวอื่น ๆ โดยเฉพาะคนที่มีผิวบางหรือผิวแพ้ง่าย จะยิ่งรับผลกระทบมากกว่าคนทั่วไป
งานวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบของฝุ่น PM 2.5 ต่อผิวหนังในระยะยาวพบว่า ฝุ่น PM 2.5 ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระที่สามารถทำลายเซลล์ผิวหนังได้ ทั้งในกระบวนการสร้างเซลล์ใหม่ และการทำให้ผิวหนังแก่ก่อนวัย นอกจากนี้ยังทำให้เกิดจุดด่างดำ โดยเฉพาะที่บริเวณใบหน้า รวมถึงริ้วรอยที่เพิ่มขึ้นบริเวณร่องแก้ม และยังลดประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันในผิวหนังอีกด้วย
พบว่า ฝุ่น PM 2.5 มีผลกระทบต่อผิวหนังทั้งในระยะสั้น และระยะยาว ดังนั้นการปกป้องผิวหนังจากฝุ่น PM 2.5 จึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคผิวหนังอยู่แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้โรคผิวหนังนั้นกำเริบหรือแย่ลง
1.สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น
การสวมหน้ากากที่ออกแบบมาพิเศษสำหรับป้องกันฝุ่น PM 2.5 เช่น หน้ากาก N95 หรือ KN95 จะช่วยกรองอนุภาคฝุ่นขนาดเล็กเหล่านี้ออกจากอากาศที่เราหายใจเข้าไป ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการสูดฝุ่นที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ
การติดตั้งเครื่องฟอกอากาศภายในบ้านหรือห้องนอนถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในการป้องกันฝุ่น PM 2.5 และมลพิษอื่น ๆ ที่อาจมีอยู่ในอากาศ เครื่องฟอกอากาศจะทำหน้าที่กรองอนุภาคฝุ่นขนาดเล็กที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เช่น PM 2.5 ซึ่งเป็นภัยเงียบที่สามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ และกระทบต่อสุขภาพได้ในระยะยาว และยังช่วยกำจัดมลพิษอื่น ๆ เช่น ควันบุหรี่หรือสารเคมีต่าง ๆ ที่อาจปนเปื้อนในอากาศ ลดความเสี่ยงในการเกิดอาการภูมิแพ้ หรือโรคทางเดินหายใจ ซึ่งสามารถส่งผลดีต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีมลพิษทางอากาศสูง เช่น เมืองใหญ่ที่มีการจราจรหนาแน่นหรือในช่วงที่มีฝุ่นละอองมากในอากาศ
3.เลี่ยงกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่น PM 2.5
การหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่น PM 2.5 เป็นสิ่งสำคัญในการช่วยลดปริมาณมลพิษในอากาศ และลดผลกระทบต่อสุขภาพ โดยมีหลายกิจกรรมที่อาจเป็นแหล่งกำเนิดของฝุ่น PM 2.5 ดังนี้ การเผาขยะ การเผาหญ้า การจอดรถติดเครื่องยนต์ไว้เป็นระยะเวลานาน และตรวจเช็คสภาพรถยนต์ให้อยู่ในสภาวะปกติ เช่น การเปลี่ยนไส้กรองอากาศ และการตรวจสอบระบบท่อไอเสียเป็นประจำ จะช่วยให้รถยนต์ปล่อยควันดำที่เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ออกมาในปริมาณน้อยลง
4.ดูแลสุขภาพ
การพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารครบ 5 หมู่ และดื่มน้ำมากๆ จะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ควรเลือกรับประทานผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อช่วยปกป้องร่างกายจากมลพิษ หากวันที่ค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือออกกำลังกายกลางแจ้ง และพิจารณาเปลี่ยนมาออกกำลังกายในอาคารแทน เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่น และล้างจมูกเพื่อช่วยขจัดทั้งฝุ่น PM 2.5 และสารก่อภูมิแพ้ในทางเดินหายใจ
5.การดูแลรักษาผิวหน้าจากฝุ่น PM 2.5
การดูแลรักษาผิวหน้าจากฝุ่น PM 2.5 เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากฝุ่นขนาดเล็กสามารถเข้าไปสะสมในผิวหนังและทำให้เกิดการระคายเคือง ผิวหน้าแห้ง หรือแม้กระทั่งการอักเสบของผิวในระยะยาว เพื่อป้องกันผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 ควรเริ่มต้นด้วยวิธีง่าย ๆ ดังนี้
- ทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดทุกวัน
ควรทำความสะอาดผิวหน้าโดยใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะสมกับสภาพผิว เพื่อล้างฝุ่น และมลพิษที่สะสมอยู่บนผิวหน้า
- ใช้ครีมกันแดดที่มี SPF สูง
ทาครีมกันแดดทุกวันอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการทำลายจากทั้งฝุ่น และรังสี UV พร้อมทั้งบำรุงผิวด้วยครีมบำรุงที่ช่วยฟื้นฟูผิวจากการถูกทำร้ายจากมลพิษ และรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวแข็งแรง
หากดูแลผิวเบื้องต้นแล้ว แต่ผลกระทบต่อผิวหนังจากฝุ่น PM 2.5 ยังไม่หายไป แนะนำวิธีฟื้นบำรุงผิวหน้าแบบเร่งด่วนด้วยหัตถการ ดังนี้
Juvelook (จูวีลุค) เป็นผลิตภัณฑ์ Hybrid biostimulator หรือ คอลลาเจนบูสเตอร์ ที่ได้รับการผสมผสานกันระหว่าง 2 อนุภาค ประกอบไปด้วย PDLLA (Poly-L-Lactic Acid) ร่วมกับ Noncrosslinked HA ผสมผสานกันอย่างลงตัวเพื่อให้เข้าไปสู่ใต้ชั้นผิว ด้วยขนาดอนุภาคตั้งแต่ 10 ถึง 40 ไมโครเมตร ช่วยสร้างคอลลาเจนได้อย่างเป็นธรรมชาติ ให้ผลลัพธ์ทั้ง Skin Rejuvenation และ Volume augmentation ส่งผลให้ผิวสวยมีวอลลุ่ม แข็งแรง เต็มแน่นด้วยคอลลาเจนแท้ใต้ชั้นผิว
คุณสมบัติ : เน้นเรื่องงานผิว ริ้วรอยร่องตื้นเห็นผลทันที เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิว ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนให้กับผิวโดยตรง เติมเต็มความชุ่มชื้น ผิวอิ่มฟู หน้าใส รูขุมขนกระชับ ลดเลือนรอยแผลเป็น รอยสิว
ระยะเวลา : ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 2 ปี
LBC CLINIC คว้ารางวัลอันดับ 1 ยอดซื้อ Juvelook สูงสุดในประเทศไทย กับรางวัล Prestige Perfection Award 2024 ในกลุ่ม Single Clinic ในงานรับรางวัล JUVETEK Nebula Nova : The New Star of Youth 2025 เป็นการตอกย้ำความมั่นใจให้ลูกค้าทุกท่าน เพราะ LBC ฉีดแล้วหน้าใสฉ่ำ เห็นผลจริง คุณหมอฉีดแม่น ประสบการณ์แน่นหลายเคส อีกทั้งยังใช้ยาแท้ส่งตรงจากบริษัท จูวีเทค จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย Juvelook และ Lenisna อย่างเป็นทางการในประเทศไทย
“SCULPTRA” (สกัลป์ทรา) คือ สารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในรูปแบบฉีด ที่ประกอบด้วยอนุภาคของ PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เติมเต็ม และยกกระชับใบหน้า โดยสามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปี และเน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนประเภทที่ 1 (Collagen Type I) ซึ่งเป็นคอลลาเจนชนิดสำคัญที่ร่างกายผลิตได้มากที่สุด เป็นผลิตภัณฑ์เดียวที่สามารถสร้างคอลลาเจนได้สูงถึง 66.5% ฟื้นฟูผิวถึงโครงสร้างชั้นลึกใต้ผิว ปรับปรุงผิวให้ดีขึ้น ผลลัพธ์อยู่ได้นาน
คุณสมบัติ : ลดความหย่อนคล้อยให้ผิวฟูกระชับ เต่งตึงขึ้น ช่วยเสริมความแข็งแรงให้ผิวถึงโครงสร้างภายใน กระตุ้นคอลลาเจนต่อเนื่อง หน้าเด็ก ผิวแก่ช้าลง 10 ปี
ระยะเวลา : ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 2 ปี
SKINVIVE (สกินวิฟฟ์) คือ เป็นกรดไฮยาลูรอนิกแบบไมโครดรอปเล็ท (Microdroplets of Hyaluronic Acid) ตัวแรก และตัวเดียวที่ได้รับการรับรองความปลอดภัยจากอย.อเมริกา (USFDA) ซึ่งจัดอยู่ในประเภทฟิลเลอร์ จะช่วยอุ้มน้ำ กักเก็บน้ำในผิวได้ดี และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้มากกว่ากรดไฮยาลูรอนิกแบบธรรมดา มีงานวิจัยรับรองว่าสามารถเพิ่ม Aquaporin3 (AQP-3) ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยกักเก็บน้ำในชั้นผิว โดยพบได้บ่อยในผิวชั้นหนังกำพร้า และผิวชั้นแท้ด้วย
คุณสมบัติ : ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ ฟื้นฟูริ้วรอยเล็ก ๆ และเพิ่มความเรียบเนียนให้ผิวดูสดใส เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะคนที่มีผิวหน้าแห้ง ขาดน้ำ
ระยะเวลา : ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานประมาณ 9 เดือน
REJURAN (รีจูรัน) คือ นวัตกรรมฟื้นฟูผิวด้วยสารสกัดเข้มข้น Polynucleotide (PN) ที่ได้มาจากปลาแซลมอนที่อยู่ในทะเลธรรมชาติ มีความเข้มข้นสูง บริสุทธิ์สูง ใกล้เคียงกับ DNA มนุษย์ถึง 98% ทำให้ไม่เกิดอันตรายหรือผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ต่อร่างกายหรือผิวหน้า มีประสิทธิภาพในการช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหายให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง มีความยืดหยุ่น
คุณสมบัติ : กระชับรูขุมขน ลดเลือนริ้วรอย ช่วยผิวดูอ่อนเยาว์ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นคืนสมดุลให้กับผิวหนังแท้ และผิวหนังกำพร้า เพิ่มความฉ่ำวาวให้ผิวดูโกลว์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ระยะเวลา : ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานประมาณ 2 - 3 เดือน
CHANEL (ชาแนล) คือการทำเมโสหน้าใสด้วย NCTF หรือ New Cell Treatment Factor ซึ่งเป็นตัวยาที่ฉีดเข้าใต้ผิวหนังที่อุดมไปด้วยสารสำคัญมากมาย มีส่วนประกอบที่เป็นสารสำคัญถึง 55 ชนิด ช่วยให้ผิวแลดูสุขภาพดีและกระจ่างใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ช่วยบำรุง ฟื้นฟู และซ่อมแซมผิวให้กลับมาดีขึ้นได้เร็วกว่าเมื่อเทียบกับการทาครีม หรือการทำทรีทเมนต์แบบปกติ
คุณสมบัติ : ลดการอักเสบของผิว ฟื้นฟูสภาพผิวโดยรวมให้มีความแข็งแรง ทนต่อมลภาวะได้ดีขึ้น ผิวดูกระจ่างใส ลดเลือนความหมองคล้ำของผิว
ระยะเวลา : ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานประมาณ 2 - 3 เดือน
BELOTERO REVIVE เป็นฟิลเลอร์งานผิวตัวแรกของโลกจากสวิตเซอร์แลนด์ ที่เพิ่มส่วนผสมของ Hyaluronic Acid และ Glycerol ผลิตด้วยเทคโนโลยี CPM (Cohesive Polydensified Matrix) ทำให้เนื้อฟิลเลอร์เรียบเนียนกลืนกับผิวได้ดี ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติหลังทำ
คุณสมบัติ : ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวที่มีปัญหาในระยะเริ่มแรกจากการถูกทำลายจากแสงแดด และมลภาวะต่าง ๆ ช่วยบำรุงผิว เน้นการฟื้นฟู เพิ่มความแข็งแรงให้กับผิวได้ทั้งภายนอก และภายใน ประสิทธิภาพในการกักเก็บความชุ่มชื้นได้ x 1000
ระยะเวลา : ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานประมาณ 9 เดือน
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
PM 2.5 เป็นฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีผลเสียต่อผิว ทำให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น สิว ผิวหมองคล้ำ ระคายเคือง และริ้วรอยก่อนวัย เนื่องจากสามารถซึมผ่านผิวหนัง และก่อให้เกิดการอักเสบ ดังนั้นการดูแลผิวจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงที่มีมลภาวะสูง การทำหัตถการหน้าใส เป็นทางเลือกที่ช่วยฟื้นฟูผิวได้อย่างตรงจุด ลดการอักเสบ และเกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนให้ผิวแข็งแรง กระจ่างใสขึ้น โดยไม่ต้องใช้เวลานานในการฟื้นฟู ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะสมในการดูแลผิวจากผลกระทบของ PM 2.5 อย่างมีประสิทธิภาพ