เป็นสิวเรื้อรัง หน้าเริ่มพัง ทำยังไงดี ?!! | LBC Clinic
ปิดหน้าต่างนี้
เบอร์ติดต่อ
เบอร์ติดต่อ
092-391-8811 095-996-1666
Instagram
Instagram
lbcclinic
 เวลา เปิด-ปิด
เวลา เปิด-ปิด
ทุกวัน 11.00 - 20.00 น.
LBC Clinic Line
เป็นสิวเรื้อรัง หน้าเริ่มพัง ทำยังไงดี ?!!
เป็นสิวเรื้อรัง หน้าเริ่มพัง ทำยังไงดี ?!!
- โพสเมื่อ 29/04/2021

สิว คืออะไร ??

         สิว (Acne vulgaris) เป็นการอักเสบเรื้อรังของผิวหนัง โดยจะแสดงออกมาทั้งในรูปสิวหัวเปิด (Open comedones) หรือสิวหัวปิด (Closed comedones) รวมถึงการอักเสบของผิวหนังที่มีลักษณะ เป็นผื่นนูน (Papules) ตุ่มหนอง (Pustules) ตุ่มใหญ่ หรือสิวหัวช้าง (Nodules หรือ cysts) สิวเกิดจากการอักเสบของต่อมไขมันที่รูขุมขนบนผิวหนัง (Pilosebaceous follicles) ซึ่งสาเหตุของการเกิดสิวมีหลายปัจจัย ร่วมกัน ได้แก่ การแบ่งตัวของผิวหนังชั้น stratum corneum มากเกินไป (Hyperkeratinization) เชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium acnes การผลิตไขมันที่มากเกินและกระบวนการอักเสบของผิวหนัง นอกจากนี้ยังมีการศึกษาที่พบว่าฮอร์โมน อาหารที่รับประทาน และกรรมพันธุ์ ก็มีส่วนในการทำให้เกิดสิว

มารู้จักกับ สิวเรื้อรัง ให้มากขึ้น

        สิวเรื้อรัง (Chronic Acne) สิวเป็นการอักเสบเรื้อรังของ รูขุมขน (follicles) และต่อมไขมัน (sebaceous gland) พบได้บ่อยในวัยรุ่นโดยเฉพาะเพศชาย สิวมีลกัษณะผื่น ที่แตกต่างกันไปตั้งแต่ตุ่มเล็กๆ ไม่มีการอักเสบ จนถึงตุ่มใหญ่และมีอาการอักเสบน้อยจนถึงอาการอักเสบมาก สิว มีหลายชนิด แต่สามารถ แบ่งคร่าว ๆ ได้2 ชนิดตามลักษณะ ที่พบ ได้แก่

1. สิวที่ไม่มีการอักเสบ เช่น สิวอุดตันหัว ขาว (สิวอุดตันหัวปิด) สิวอุดตันหัวดำ (สิวอุดตัน หัวเปิด)

2. สิวที่มีการอักเสบ เช่น สิวที่เป็นตุ่มแดง (สิวอักเสบ) สิวที่มีหนอง (สิวตุ่มหนอง) สิวอักเสบ ขนาดใหญ่ (สิวหัวช้าง)และสิวที่มีการทำลายของ ผิวข้างในจนเป็นโพรงคล้ายซีสต์


สาเหตุการเกิด สิวเรื้อรัง

        สิวเรื้อรัง จึงเป็นปัญหาที่อาจมีปัจจัยการเกิดได้ทั้ง ปัจจัยภายใน และ ปัจจัยภายนอกร่างกาย

ปัจจัยภายใน ปัจจัยที่เกิดจากร่างกายเราเอง เช่น ระดับฮอร์โมน การตอบ สนองของร่างกายต่อฮอร์โมน กรรมพันธุ์ โรคเรื้อรัง และผิวพรรณ ซึ่งเป็นสิ่งที่ติดตัวเราตั้งแต่กำเนิดสำหรับฮอร์โมนที่มีผลต่อการเกิดสิวได้แก่ ฮอร์โมนเพศแอนโดรเจน ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นต่อมไขมันได้โดยส่วนมากแล้ว ฮอร์โมนจะมากขึ้นเมื่อเราเข้าสู่วัยรุ่น จึงมักพบสิวได้มากในวัยนี้และอาจ อยู่ได้นานหลายปีน

ปัจจัยภายนอก ปัจจัยที่เกิดขึ้นจากนอกร่างกายของเราเช่น ยาครีม และเครื่อง สำอางบางชนิด สภาพแวดล้อม แสงแดด อุณหภูมิและอาหาร ซึ่งเรา สามารถป้องกันได้สำหรับอาหารพบว่าผู้ที่รับประทานอาหารหวาน และ อาหารจำพวกแป้งเป็นประจำอาจทำให้เกิดสิวได้ง่าย การใช้เครื่องสำอาง เช่น แป้ง ครีมบางชนิด เป็นปัจจัยที่สำคัญในการเกิดสิว เนื่องจากส่วน ผสมในเครื่องสำอางบางชนิดจะอุดตันรูขุมขนได้ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจ ที่สามารถพบสิวได้ในคนที่เลยช่วงวัยรุ่นไปแล้วการระคายผิวบนใบหน้า เช่น การล้างหน้าที่มีการถูมาก หรือการบีบสิวรวมทั้งการใช้ยาบางชนิด ก็ทำให้เกิดสิวเพิ่มขึ้นได้เช่น ยาคุมกำเนิด ยาสเตียรอยด์


 การรักษาสิวโดยไม่ใช้ยา (nonpharmacologic therapy) จากการที่สิวมักเป็นในช่วงอายุ ตั้งแต่วัยรุ่น และจะค่อยๆดีขึ้นได้การเป็นสิวเพียงเล็กน้อยอาจไม่ต้องใช้ยา มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนหลายประการเกี่ยวกับการดูแลรักษาสิวเช่นการขัดหน้าด้วย ผลิตภัณฑ์ขัดผิว (scrubbing agent) หรือการล้างหน้าบ่อยๆ ไม่ได้ทำให้ลดการเกิดสิวเนื่องจากการเกิดสิวอยู่ ในระดับที่ลึกคือการอักเสบในรูขุมขน (follicle) และต่อมไขมนั (sebaceous gland) อีกทั้งยังอาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวการล้างหน้าด้วยสบู่หรือน้ำ ถึงแม้การล้างหน้าจะช่วยลดปริมาณไขมัน (sebum) ตลอดจนแบคทีเรียบนผิวหน้าได้ แต่ก็มีผลเพียงเล็กน้อยกับรูขุมขน บางครั้งอาจเกิดภาวะผิวแห้ง ซึ่งกระตุ้นให้สร้างน้ำมันมากขึ้นไปอีก ดังนั้นควรเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับคนเป็นสิวโดยเฉพาะเพื่อความอ่อนโยนและถนอมผิวหลังใช้

 การใช้ยารักษา (pharmacologic therapy) การใช้ยารักษาสิว มีเป้าหมายสำคัญคือการป้องกันสิวเพื่อลดการผลิตไขมันจาก ต่อมไขมัน เร่งให้การอักเสบหายเร็วขึ้นและรักษาแผลเป็นให้ดูดีขึ้น รอยดำจางลง ด้วยเหตุนี้ทางแพทย์จึงมักแนะนำผู้ที่มีปัญหาสิวเรื้อรัง รักษาด้วยวิธีธรรมชาติคือการฉีด “มาเด้ คอลลาเจน” โดยรักษาด้วยเทคนิค ฉีดกระจายตัวยาทั่วใบหน้า 16 จุด เพื่อที่จะขจัดของเสียและสารพิษออกจากร่างกาย  มีประสิทธิภาพในการกำจัดแบคทีเรีย ที่เป็นต้นเหตุของการเกิดสิวนั้นเอง หลังจากนั้นจะฟื้นฟูผิวในระดับเซลล์ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เพื่อขจัดเม็ดสีเมลานินที่เป็นส่วนเกิน ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียน กระจ่างใส ลดจุดด่างดำ และทำให้ผิวหน้าแข็งแรงอีกด้วยค่ะ แนะนำทำติดต่อกันจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและลดการเกิดสิวได้อย่างต่อเนื่องค่ะ


              มาเด้ คอลลาเจน ตัวยาจากประเทศ อิตาลี ที่จะมีสารสกัดมาจากมาเด้และกูน่า เป็นตัวหลักสร้างความใสให้ผิว ฉีดกระจาย 16 จุดต่อมน้ำเหลืองบนใบหน้า เพื่อที่ตัวยาจะได้เข้าไปทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสม่ำเสมอกัน เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาผิวหน้าต่างๆ อยากที่จะรักษาให้ใบหน้าสวยใส รูขุมขนกระชับ เรียบเนียน ลดรอยดำ รอยแดง เรียกได้ว่าครอบคลุมในตัวเดียวเลยค่ะ



  1. คุณหมอจะฉีดกระจายตัวยา 16 จุดทั่วใบหน้า

  2. ใช้เวลาในการรักษาประมาณ 15 - 30 นาที / ครั้ง

  3. แนะนำเข้ารักษาทุกๆ 1 สัปดาห์ ต่อเนื่อง 5 - 10 สัปดาห์

  4. ลูกค้าสามารถเลือกการแปะยาชาหรือประคบเย็น เพื่อลดความกังวลและความเจ็บขณะรักษาได้ค่ะ


การดูแลตัวเองหลังฉีด มาเด้ คอลลาเจน

       หลังฉีดอาจจะมีร่องรอยนูนแดงบริเวณที่ฉีดตัวยาลงไป ไม่ต้องกังวลนะคะ จะหายไปได้เองใน 2-3 ชั่วโมงค่ะ งดการเกาเช็ดถูหรือแต่งหน้าหลังการรักษา 2-4 ชั่วโมง หลังจากนั้นแล้วสามารถล้างหน้าและใช้ชีวิตได้ตามปกติค่ะ   หลังการฉีด มาเด้ คอลลาเจน สามารถใช้ชีวิตได้ปกติเลยค่ะ หลังฉีดอาจจะมีตุ่มแดงบริเวณที่ฉีดตัวยา และงดการเกาเช็ดถูหรือแต่งหน้าหลังการรักษา 3 -4 ชั่วโมงนะคะ


รีวิวมาเด้ คอลลาเจน


Ref : วารสารวิจัยและพัฒนา องค์การเภสัชกรรม ปีที่ 23 ฉบับที่ 3 ประจำเดือน กรกฏาคม – กันยายน 2559

แสดงความคิดเห็น
บทความอื่นๆ
หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก จูบได้ไหม?
ใครมีคำถามเกี่ยวกับฟิลเลอร์ปาก LBC รวบตึงมาให้แล้ว
- โพสเมื่อ 12/12/2024
แก้มตอบ ดูแก่กว่าวัย แก้ไขอย่างไรดี?
ฟิลเลอร์แก้มตอบ เคล็ดลับหน้าเด็ก เห็นผลทันทีหลังฉีด
- โพสเมื่อ 06/12/2024
LBC CLINIC ยืนหนึ่งเรื่องปรับรูปหน้ามากกว่า 9 ปี
คลินิกความงามของคนรุ่นใหม่ เทคโนโลยีทันสมัย และความปลอดภัยที่ได้รับมาตรฐาน
- โพสเมื่อ 29/11/2024
ปัญหาร่องแก้มลึกกวนใจ จัดการอย่างไรดี?
เติมเต็มร่องแก้ม ลดอายุ เพิ่มความสดใส บทความนี้มีคำตอบ
- โพสเมื่อ 20/11/2024