เฉลย 10 ข้อข้องใจที่ต้องรู้ก่อนเริ่มฉีดฟิลเลอร์ปาก

“ริมฝีปากสวย” คือเสน่ห์สำคัญของใบหน้า จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่โปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ปาก จะได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม มียอดจองคิวคุณหมอ พร้อมรีวิวปัง ๆ กันมาแบบไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นทรงปากคลาสสิก สายฝอ ปากกระจับ หรือแม้แต่ปากมาสด้าตามสไตล์อินฟลูเอนเซอร์ตัวแม่ ที่บอกเลยว่าได้รับความนิยมสูสีกันมาแทบทุกทรง

เพราะการฉีดฟิลเลอร์ปากไม่เพียงแค่เสกปากที่ไร้มิติให้สวยขึ้น แต่ยังเติมความอวบอิ่มอย่างเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มีปากบางหรือรูปปากไม่สมส่วน LBC Clinic พร้อมให้บริการด้วยทีมแพทย์มากประสบการณ์ด้านการปรับรูปหน้า ที่จะปั้นฟิลเลอร์ปากให้ตรงใจคุณ

แต่ก่อนที่จะจองคิวฉีดฟิลเลอร์ปาก หรือสำหรับใครที่ยังไม่มั่นใจว่าจะฉีดฟิลเลอร์ปากที่ไหนดี เลือกทรงไหน ต้องจ่ายราคาเท่าไร ลองมาดู 10 เรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ปากที่นำมาฝากในบทความนี้กัน

1. ฟิลเลอร์ปากคืออะไร อันตรายไหม?

“การฉีดฟิลเลอร์ปาก” คือ การใช้สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ที่สังเคราะห์ขึ้นเพื่อใช้เติมเต็มและทดแทนสารประเภทนี้ที่ลดลงไปตามธรรมชาติของผิวมนุษย์ พร้อมปรับโครงสร้างรูปปาก รวมไปถึงสามารถใช้กับใบหน้าได้อย่างปลอดภัย ไร้การตกค้าง

ส่วนของการฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรจะต้องพิจารณาถึงยี่ห้อ และเทคโนโลยีรุ่นฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับผิวที่บอบบางและมีการขยับบ่อย จึงต้องเลือกเนื้อฟิลเลอร์ที่มีความละเอียดสูง คงตัวได้ดีแต่ไม่แข็งเป็นก้อน ทั้งนี้ก็เพื่อให้มีลุคปากแบบเป็นธรรมชาติ และเหมาะสมกับการเติมเต็มในบริเวณที่มีการขยับบ่อย ๆ นั่นเอง

2. ฟิลเลอร์แท้ ทำไมถึงฉีดแล้วปลอดภัยกว่า ?

ฟิลเลอร์แท้ เป็นสารไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic acid) ที่เลียนแบบสารตามธรรมชาติของร่างกาย และผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาจากสหรัฐอเมริกา หรือ FDA และของประเทศไทย จึงถูกจัดว่าเป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้ในการรักษาได้อย่างถูกต้อง โดยไม่มีผลข้างเคียงกับร่างกาย และสามารถสลายได้หมด โดยไม่ทิ้งสารตกค้าง

ที่ LBC Clinic เราเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านมาตรฐาน อย. ไทย ทุกกล่อง จึงทำให้มั่นใจได้ว่าการฉีดฟิลเลอร์ปากกับเราจะปลอดภัย ไม่เกิดผลข้างเคียง และไม่ตกค้าง เพราะสามารถสลายได้ตามธรรมชาติ 100% หากไม่แน่ใจว่าจะฉีดฟิลเลอร์ปากที่ไหนดี สามารถปรึกษากับเราได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม !

3. ฉีดฟิลเลอร์ปาก ฉีดเพื่ออะไร ลดปัญหาอะไรได้บ้าง?

1. ลดปัญหาปากบาง ไม่อวบอิ่ม สามารถเติมเต็มได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์เข้าไป ทำให้ปากดูอวบอิ่มได้อย่างชัดเจนหลังทำ
2. ลดปัญหาปากไม่เป็นรูป ขอบปากไม่ชัด เพราะนอกจากการฉีดฟิลเลอร์ปากจะใช้สำหรับเติมเต็มแล้ว ยังสามารถนำมาฉีดไล่บริเวณขอบปาก เพื่อปรับให้ขอบปากชัด ดูเป็นกระจับทรงสวยได้อีกด้วย
3. ช่วยยกมุมปาก หลาย ๆ คนพบปัญหาหน้าบึ้งตลอดเวลา ถ่ายรูปไม่สวย การฉีดยกมุมปากด้วยฟิลเลอร์ สามารถแก้ปัญหานี้ได้โดยไม่ต้องผ่าตัด

4. ฉีดฟิลเลอร์ปากทรงไหนดี?

ปัญหาที่พบบ่อยของเคสการเติมฟิลเลอร์ปาก คือ ไม่รู้ว่าตัวเองเหมาะสมกับรูปปากแบบไหน หลายครั้งที่ลูกค้าบางคนนำทรงปากสไตล์ที่ชอบมาเป็นตัวอย่าง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครสามารถทำได้ตามทรงปากที่นำมาเป็นแบบได้ 100% เนื่องจากรูปหน้าและเนื้อปากของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

ดังนั้น ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรจะให้แพทย์ทำการประเมินโดยละเอียด เพื่อคำนวณสัดส่วนริมฝีปากและฟิลเลอร์ให้ตอบรับใบหน้าได้อย่างลงตัวก่อนทำหัตถการ

5 ทรงปากยอดนิยมในไทย มีแบบไหนบ้าง?

1. ทรงปากธรรมชาติ (Classy Kysse)

เติมเต็มในสัดส่วนที่พอดี เป็นลักษณะที่ปากบนบางกว่าปากล่าง เหมาะสำหรับคนที่อยากเติมเต็มร่องปาก และไม่ต้องการความอวบอิ่มที่มากเกินพอดี ให้ลุคที่ดูเป็นธรรมชาติ

2. ทรงปากกระจับ (Cherry Kysse)

ปากกระจับสไตล์เกาหลีที่ได้รับความนิยมมานาน มีจุดเด่นที่ริมฝีปากด้านล่างให้ความอวบอิ่มคล้ายผลเชอร์รี และเติมเต็มติ่งเนื้อตรงกลางปากบนให้มีมิติ แลดูเป็นกระจับสวยแบบธรรมชาติ

3. ทรงปากอวบอิ่ม (Sexy Kysse)

สไตล์สายฝอตะวันตก เน้นการฉีดฟิลเลอร์ปากให้อวบอิ่มทั้งด้านบนและด้านล่างในสัดส่วน 1:1 พร้อมปรับขอบปากให้คมชัด เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสร้างมิติให้ปาก ดึงเสน่ห์ที่โดดเด่นให้ใบหน้า

4. ทรงปากมาสด้า (Cupid’ Bow)

ทรงปากมาสด้ามีลักษณะคล้ายรูปหัวใจ หรือคันธนูของคิวปิด มองโดยรวมจะเน้นการฉีดฟิลเลอร์ปากเติมเต็มให้ด้านล่างอวบอิ่ม ตลอดจนสร้างขอบปากและรูปทรงปากด้านบนให้เป็นตัว M แบบชัดเจน โดยจะมีส่วนของริมฝีปากล่างที่นูนขึ้นทั้งสองฝั่งรับกับร่องริมฝีปากบน (Philtrum) เหมาะสำหรับคนที่อยากปรับลุคให้ดูเซ็กซี่เบา ๆ

5. ทรงปากปีกนก ยกมุมปาก

เหมาะสำหรับคนที่มีเนื้อปากน้อย มีลักษณะบางบริเวณริมฝีปากด้านบน โดยวิธีฉีดฟิลเลอร์ปากทรงนี้จะเน้นไปที่การยกมุม ให้ความรู้สึกเหมือนใบหน้าแย้มยิ้มอยู่ตลอดเวลา แต่การฉีดแบบนี้จำเป็นต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อปรับรูปทรงให้เข้ากับใบหน้า ไม่ดูเป็นก้อน

5. การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก

1. งดยาแอสไพริน ยา NSAIDs เช่น ยาจำพวก ไอบูโพรเฟน หรือยาแก้ปวดประจำเดือน พอนสแตน ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนฉีด
2. งดวิตามิน หรืออาหารเสริมทุกชนิดก่อนฉีด 1 สัปดาห์ เพื่อลดรอยเขียวช้ำ ที่อาจเกิดขึ้นได้หลังฉีด เนื่องจากวิตามินและอาหารเสริมเหล่านี้ มักทำให้เลือดไหลได้ง่าย รอยเขียวช้ำหายยากกว่าเดิม แต่หากโดยปกติ เป็นคนที่ไม่ค่อยมีอาการเขียวช้ำง่าย สามารถข้ามข้อนี้ไปได้
3. กรณีมีโรคประจำตัว ควรแจ้งคุณหมอก่อนทำ 
4. ควรแจ้งคุณหมอหากเคยผ่าตัดริมฝีปากบางมาก่อน เพื่อผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจหลังทำ ที่ LBC Clinic เรามีคุณหมอดูแลดีไซน์รูปปากแบบเคสต่อเคส การที่คุณหมอทราบประวัติการผ่าตัดมาก่อน จะช่วยให้การฉีดฟิลเลอร์ปากของคุณออกมาได้สวยตามความต้องการมากที่สุด

6. ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ปาก

1. ทายาชาแบบครีมทิ้งไว้ประมาณ 45 – 60 นาที ขึ้นอยู่กับความรู้สึกของแต่ละบุคคล
2. คุณหมอประเมินทรงปาก และฉีดเติมเต็มฟิลเลอร์ริมฝีปาก ในแต่ละเคสจะใช้เทคนิคและระยะเวลาในการฉีดที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับทรงที่ต้องการ รูปริมฝีปากก่อนทำ และเนื้อปากของแต่ละเคส
3. ระหว่างฉีด คุณหมอจะหยุดฉีดเพื่อให้เช็กทรงเป็นระยะ และสอบถามความพึงพอใจ หากรู้สึกเจ็บสามารถแจ้งคุณหมอได้ทันที เรียกได้ว่าถ้าไม่รู้จะใช้บริการฉีดฟิลเลอร์ปากที่ไหนดี ให้มาหาเรา เพราะที่นี่เรามีคุณหมอใจดี ฉีดไป ชวนคุยไป พร้อมให้เลือกทรงฉีดฟิลเลอร์ปากได้ตามความต้องการ
4. ได้ทรงปากสวยตามชอบใจแล้ว เจ้าหน้าที่จะพาไปรับยาด้านหน้าเคาน์เตอร์ และอธิบายวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก และสามารถกลับบ้านหรือไปทำธุระต่อได้ โดยที่ไม่ต้องพักฟื้น

7. ฉีดฟิลเลอร์ปากเจ็บไหม ?

โดยทั่วไปทาง LBC Clinic จะมีบริการทายาชาแบบครีมให้ก่อนเข้ารับบริการเป็นเวลา 30 นาที และตัวฟิลเลอร์บางรุ่นเองจะมียาชาผสม ซึ่งมีส่วนช่วยลดทอนความรู้สึกเจ็บปวดเมื่อทำหัตถการ ดังนั้น หากถามว่าฉีดฟิลเลอร์ปากเจ็บหรือไม่ ก็สามารถตอบได้ว่าอยู่ในระดับความเจ็บที่ทนได้ หลังจากนั้นจะเป็นความรู้สึกชา อาจมีรอยช้ำเข็มเล็กน้อย แต่บอกเลยว่าไม่ร้ายแรงแน่นอน

8. ฉีดฟิลเลอร์ปาก ราคาเท่าไร ?

ราคาบริการฉีดฟิลเลอร์ปาก โดยปกติจะเริ่มต้นอยู่ที่ปริมาณ 1 ซีซี ราคา 13,900 บาท โดยการฉีดฟิลเลอร์ปากกับ LBC Clinic คุณหมอจะเลือกใช้ฟิลเลอร์เติมปากยี่ห้อ เรสไทเลน (Restylane) ที่นำเข้าจากประเทศสวีเดน โดยบริษัท Galderma โดยสามารถเช็กล็อตสินค้า หรือโทรสอบถามทางบริษัทเพื่อความมั่นใจได้ที่เบอร์ 02-023-1800 ต่อ 402

9. ฟิลเลอร์ปาก อยู่ได้นานไหม ?

การฉีดฟิลเลอร์ปากจะสามารถอยู่ได้นาน 8 เดือน – 1 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของแต่ละคนว่าสามารถทำตามคำแนะนำของคุณหมอได้มากน้อยเท่าไร ทั้งนี้เพื่อรักษาผลลัพธ์การฉีดฟิลเลอร์ปากให้คงอยู่ยาวนานที่สุด

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก

1. ไม่ควรลอกริมฝีปาก แคะ แกะ เกา หรือกระทบกระเทือนริมฝีปากหลังทำ
2. หากมีเลือดไหลบางจุด ควรงดทาลิปสติกทันที แต่สามารถทาลิปมันได้
3. งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มร้อน ๆ เพราะอาจทำให้ปากเสียทรงได้
4. ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

10. เลือกฉีดฟิลเลอร์ปากที่ไหนดี ?

สำหรับคนที่กำลังลังเล ตัดสินใจไม่ได้ ว่าจะใช้บริการฉีดฟิลเลอร์ปากที่ไหนดี ขอแนะนำให้พิจารณาเลือกคลินิก และ สถานบริการที่เหมาะสม ดังนี้

1. ตัดสินใจก่อนว่า หลังทำมาแล้วจะพอใจกับผลลัพธ์ไหม โดยการเลือกดูรีวิว เพื่อเทียบกับรูปปากที่ใกล้เคียงกับริมฝีปากตัวเองประกอบการตัดสินใจ
2. เลือกราคาให้ตรงตามความต้องการ คูณหารกับฝีมือแพทย์ แล้วออกมาตรงใจของเรามากที่สุด
3. เลือกแพทย์หรือคลินิกและสถานพยาบาลที่เรามั่นใจว่ามีประสบการณ์ และความชำนาญมากเพียงพอ จากการดูรีวิวแพทย์ ก่อนจะทักไปโดยตรง หรือนัดวันเข้าปรึกษาแพทย์ก่อนทำได้ทันที เรียกได้ว่าตัดสินใจจะฉีดฟิลเลอร์ปากทั้งที ทำครั้งเดียวให้ดี ให้สวยถูกใจเราไปเลย

ใครที่อ่านมาจนถึงตรงนี้แล้วยังไม่แน่ใจว่า ปัญหารูปปากที่เรามีจะเหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ปากไหม หรือไม่มั่นใจว่าควรฉีดฟิลเลอร์ปากที่ไหนดี ขอแนะนำให้ปรึกษาคุณหมอที่ LBC Clinic เพราะเราคือคลินิกฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้าในกรุงเทพฯ ที่ดูแลโดยคุณหมอผู้มีประสบการณ์ พร้อมประเมินทรงปากก่อนทำทุกเคส ระหว่างฉีดไป ปั้นปากไป คุณหมอจะให้เราเช็กทรงปากจนกว่าจะมั่นใจว่านี่คือทรงที่ใช่มากที่สุด !

สามารถเข้ามาปรึกษาและรับการประเมินรูปหน้าได้ทุกวัน หรือจะประเมินผ่านทางออนไลน์ ก็สามารถทักไลน์หรือ Inbox เพื่อส่งรูปภาพมาให้คุณหมอประเมินรูปหน้าเบื้องต้นก่อนได้อีกด้วย