ปัญหาร่องแก้ม เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในหลายช่วงอายุโดยเฉพาะสาว ๆ ในวัย 30+ โดยที่ร่องแก้ม หลายคนมักเข้าใจผิดว่า เป็นริ้วรอยบริเวณเดียวกับร่องน้ำหมาก จริง ๆ แล้ว ร่องน้ำหมากคือ ร่องลึกที่มุมปากลากลงมาถึงคาง ส่วนร่องแก้มจะเป็นร่องลึกจากปีกจมูกลงมาถึงมุมปาก ใครที่มี ร่องแก้มลึก จะส่งผลให้ใบหน้าดูมีอายุ หย่อนคล้อย ไม่ตึงกระชับ จึงเป็นปัญหาที่กวนใจใครหลายๆ คน วันนี้ LBC รวบรวมวิธีจัดการกับ ร่องแก้มลึก มาให้แล้วค่ะ

สาเหตุของการเกิดร่องแก้มลึก

       ร่องแก้มลึก คือ ร่องลึกที่เกิดขึ้นระหว่างปีกจมูกถึงมุมปาก ซึ่งมักจะเห็นได้ชัดขึ้นเมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น แม้บางคนจะมีร่องแก้มตั้งแต่ยังอายุไม่มาก แต่การเกิด ร่องแก้มลึก ชัดเจน มักจะเกี่ยวข้องกับหลายปัจจัย ดังนี้ 

1. การสูญเสียคอลลาเจน และอีลาสติน

  คอลลาเจนและอีลาสตินที่อยู่ใต้ผิวหนังเริ่มเสื่อมสภาพจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ผิวบริเวณนั้นเริ่มหย่อนคล้อย สูญเสียความยืดหยุ่นผิว ทำให้เกิดร่องแก้มได้ง่ายขึ้น

2. การขาดน้ำในผิวหนัง

   ผิวที่ขาดความชุ่มชื้น หรือความยืดหยุ่นจะทำให้ผิวเกิดการย่นตัวตามธรรมชาติ ซึ่งสามารถทำให้ ร่องแก้มลึก ขึ้นได้

3. การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างใบหน้า  

   เมื่ออายุมากขึ้น กระดูกและไขมันในใบหน้ามีการสูญเสียหรือลดลง ทำให้รูปทรงของใบหน้ามีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจทำให้ร่องแก้มดูชัดขึ้น

4. การแสดงอารมณ์หรือการใช้กล้ามเนื้อใบหน้า 

   การยิ้มหรือการพูดทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าเคลื่อนไหว ซึ่งอาจส่งผลให้ร่องแก้มปรากฏชัดขึ้นในระยะยาว

5. การสัมผัสแสงแดด  

   การถูกแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานานอาจทำให้ผิวหนังเสียหาย และเกิดการเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ส่งผลให้เกิดริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า รวมถึงร่องแก้ม

6. พันธุกรรม 

   ลักษณะทางพันธุกรรมมีบทบาทสำคัญในการกำหนดโครงสร้างผิว และใบหน้า บางคนอาจมีแนวโน้มที่จะเกิดร่องแก้มได้ง่ายขึ้นตามพันธุกรรม

7. การดูแลผิวที่ไม่เพียงพอ 

   การไม่ดูแลผิวอย่างเหมาะสม เช่น การขาดการบำรุงหรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม สามารถทำให้ผิวสูญเสียความกระชับ และเกิดร่องแก้มได้

วิธีลดร่องแก้มลึก

    ร่องแก้มลึก เป็นปัญหาที่กวนใจหลายคน ซึ่งสามารถแก้ไขได้หลายวิธี ทั้งการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และการทำหัตถการ ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ดังนี้

1.การใช้ครีมทาผิว

       การใช้ครีมลดร่องแก้มช่วยบำรุง และกระชับผิว ถือเป็นตัวเลือกหนึ่งที่นิยมใช้ในการลดเลือนริ้วรอยที่ร่องแก้ม โดยเฉพาะครีมที่มีส่วนผสมของ คอลลาเจน, เปปไทด์, หรือกรดไฮยาลูโรนิก ซึ่งช่วยเติมความชุ่มชื้นและเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว ลดเลือนริ้วรอย และร่องลึกได้บางส่วน อย่างไรก็ตาม การใช้ครีมทาผิวอาจใช้ระยะเวลานานกว่าจะเห็นผล

2.การฉีดฟิลเลอร์

       ฟิลเลอร์ (Filler) คือสารเติมเต็มผิวที่นิยมใช้กันมากที่สุดในปัจจุบัน โดยทั่วไปจะเป็น ไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งมีคุณสมบัติในการเติมเต็มร่องลึกได้ดี สารตัวนี้จะเข้าไปทำงานในชั้นใต้ผิวหนังโดยการกักเก็บน้ำ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ริ้วรอย และร่องลึกดูตื้นขึ้น นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ยังสามารถนำไปใช้ในชั้นลึกของผิวเพื่อช่วยแก้ปัญหาที่เกิดจากการชั้นผิวเสื่อมสภาพ สูญเสียคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง หรือการเสื่อมสภาพของกระดูก เช่น การยุบตัวของโครงสร้างใบหน้า การฉีดฟิลเลอร์จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหา ร่องแก้มลึก สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังฉีด

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม คืออะไร?

       ฟิลเลอร์ร่องแก้ม คือ การใช้สารเติมเต็ม (ฟิลเลอร์) ที่มีส่วนผสมของ ไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ฉีดเข้าไปในบริเวณ ร่องแก้มลึก เพื่อเติมเต็ม และลดเลือนริ้วรอย ฟิลเลอร์ที่ทาง LBC ใช้ในการฉีดเป็นฟิลเลอร์แท้ที่ปลอดภัย และสามารถสลายได้เองในร่างกาย โดยไม่มีสารตกค้าง

       การฉีด ฟิลเลอร์ร่องแก้ม จะเห็นผลทันที และไม่ต้องใช้เวลาฟื้นตัวนาน หากทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ จะสามารถประเมินสาเหตุของริ้วรอยร่องแก้มแต่ละคนได้อย่างแม่นยำ และวางแผนการฉีดให้ตรงจุด เพื่อให้ผิวกลับมาเรียบเนียน เต่งตึง ไร้ริ้วรอย ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นาน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ และการดูแลหลังการฉีด

ฟิลเลอร์ร่องแก้มยี่ห้อไหนดี?

       การฉีดฟิลเลอร์บริเวณร่องแก้ม ควรเลือกฟิลเลอร์ที่เนื้อค่อนข้างฟู เพราะจะทำให้ไม่เป็นก้อน ผิวเรียบเนียน โดยยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับการฉีดร่องแก้ม LBC แนะนำดังนี้ค่ะ

ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm 

       ฟิลเลอร์ Juvederm ผลิตจากประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รับความนิยมจากแพทย์ทั่วโลกในการนำมาใช้ปรับรูปหน้า มีส่วนผสมของยาชา เป็นฟิลเลอร์กลุ่ม Hyaluronic Acid ที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจาก US FDA และ อย.ไทย นำเข้าโดย บริษัท Allergan Thailand  ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจาก อย.อเมริกา (US FDA), อย.ไทย (Thai FDA) รวมถึงได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์จากสหภาพยุโรป (EDQM) นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ Juvederm ยังมีกระบวนการผลิต 2 เทคโนโลยี คือ Hylacross และ Vycross Technology ทำให้เนื้อฟิลเลอร์สามารถอุ้มน้ำได้ดี มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อการขยับของผิวหน้าได้ดี ฟิลเลอร์ Juvederm มีอัตราการบวมน้ำน้อย ส่งผลให้ผลลัพธ์หลังฉีด ผิวจะมีความเรียบเนียน ดูเป็นธรรมชาติ ส่วนรุ่นที่เหมาะกับฉีดบริเวณร่องแก้ม แนะนำเป็น 2 รุ่นนี้เลยค่ะ

Juvederm Voluma

ฟิลเลอร์ Juvederm Voluma เป็นรุ่นที่มีเนื้อสัมผัสเนื้อแน่นคงตัวปั้นรูปสวย และฟูปานกลาง ด้วยขนาดโมเลกุลที่ใหญ่ ทำให้มีความยืดหยุ่นสูง จึงเหมาะสำหรับการเติมเต็มบริเวณร่องแก้ม รวมถึงคาง และขมับ หรือบริเวณอื่นๆ ตามที่แพทย์พิจารณา หลังการฉีด ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 12 - 18 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเทคนิคการฉีด และใบหน้าของแต่ละบุคคล 

Juvederm Volift

     ฟิลเลอร์ Juvederm Volift เป็นรุ่นที่มีลักษณะเนื้อนิ่ม มีความละเอียด และยืดหยุ่นสูง เหมาะกับคนผิวบาง เหมาะสำหรับฉีดบริเวณใต้ตา ร่องแก้ม แก้มส้ม จะให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 12 - 18 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเทคนิคการฉีด และใบหน้าของแต่ละบุคคล 

ฟิลเลอร์ Restylane

       ฟิลเลอร์ Restylane เป็นสารเติมเต็มชนิด Hyaluronic acid จากประเทศสวีเดน เป็นฟิลเลอร์แบรนด์แรกของโลก ที่ได้รับการคิดค้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากแพทย์ความงามทั่วโลก  ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจาก อย.อเมริกา (US FDA), เกาหลีใต้, อย.ไทย (Thai FDA) รวมถึงได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์จากสหภาพยุโรป (EDQM) โดดเด่นด้วยการผสานเทคโนโลยี NASHA™  ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ใบหน้ากระชับมากยิ่งขึ้น และ OBT™  เด่นในเรื่องความยืดหยุ่น เนื้อเจลคงตัวได้ดี ปรับทรงได้หลากหลาย กลืนกับผิวได้ดี ส่วนรุ่นที่เหมาะกับฉีดบริเวณร่องแก้ม แนะนำเป็น 3 รุ่นนี้เลยค่ะ

Restylane Classic 

       ฟิลเลอร์ Restylane รุ่น Lidocaine (Classic) เป็นสูตรที่ผสมกับยาชา เนื้อเจลเป็นอนุภาคใหญ่ ค่อนข้างแน่นคงตัว เหมาะสำหรับใช้แก้ปัญหาเรื่องริ้วรอยระดับปานกลางถึงมาก รุ่นนี้แพทย์นิยมใช้เพื่อฉีดบริเวณร่องแก้มมากที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถฉีดบริเวณ ใต้ตา หรือร่องลึกบนริมฝีปากได้อีกด้วย ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 8 - 12 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเทคนิคการฉีด และใบหน้าของแต่ละบุคคล

Restylane Perlane LYFT

       ฟิลเลอร์ Restylane Perlane lyft เป็นฟิลเลอร์เทคโนโลยี NASHA™ เนื้อเจลค่อนข้างแน่น สามารถคงรูปในบริเวณที่ฉีดได้ดี เป็นรุ่นที่ผสมยาชา มีความคงตัวสูง เหมาะสำหรับฉีด ใต้ตา ฉีดคาง กรอบหน้า ลิฟท์หน้า ขมับ ร่องแก้ม รวมไปถึงการทำแก้มส้ม เพื่อเติมเต็มใบหน้าให้ดูอวบอิ่ม สุขภาพดี  ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 8 - 12 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเทคนิคการฉีด และใบหน้าของแต่ละบุคคล

Restylane VITAL LIGHT

       ฟิลเลอร์ Restylane VITAL LIGHT  เป็นฟิลเลอร์ที่เหมาะกับการเก็บรายละเอียดให้เรียบร้อยมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีโมเลกุลขนาดเล็ก เนื้อละเอียด สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยเล็กๆ ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังช่วยทำให้ใบหน้าชุ่มชื้นมีความยืดหยุ่น อุ้มน้ำได้ดี ช่วยปรับผิวให้กระจ่างใสอย่างเห็นได้ชัด เหมาะสำหรับการฉีดบริเวณใต้ตา ปาก ผิวหนังชั้นตื้น ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 8 - 12 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเทคนิคการฉีด และใบหน้าของแต่ละบุคคล 

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม เหมาะกับใคร?

• ผู้ที่มีปัญหา ร่องแก้มลึก เห็นเป็นเส้นชัดเจน

• ผู้ที่สูญเสียความยืดหยุ่นของผิว และการลดลงของไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดร่องลึก หรือริ้วรอย

• ผู้ที่เกิดการยุบตัวของกระดูกใต้ตา การยุบของกระดูกใต้ตาทำให้เนื้อแก้มด้านบนหย่อนลงมากองที่เหนือร่องแก้ม ทำให้ ร่องแก้มลึก

• ผู้ที่เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างใบหน้า เช่น ร่องแก้มลึก ทำให้ใบหน้าดูโทรม และมีอายุ

• ผู้ที่มีผิวแห้งจนเกิดรอยที่ร่องแก้ม ไม่เรียบเนียน

• ผู้ที่มีร่องแก้มจากการแสดงสีหน้าทางอารมณ์ ทำให้เกิดการดึงกล้ามเนื้อบริเวณร่องแก้มมากเกินไป

• ผู้ที่ไม่ต้องการการผ่าตัด  ฟิลเลอร์ร่องแก้ม เป็นวิธีที่ไม่ต้องใช้การผ่าตัด สามารถเห็นผลทันทีหลังฉีด

• ผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าให้ดูเด็กลง สามารถเติมเต็มร่องแก้มให้ดูเรียบเนียนขึ้น 

วิธีดูแลตัวเองหลังฉีด ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ห้ามนวด กด รวมถึงการสัมผัสแรง ๆ ในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
2. หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด และความร้อนใน 48 ชั่วโมงหรือ 2 วันแรก
3. หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด หลีกเลี่ยงการทานยาหรือวิตามินที่ทำให้เลือดออก
เช่น แอสไพริน, Vitamin E, ใบแป๊ะก๊วย หลีกเลี่ยงการใช้สารที่มีส่วนผสมของ BHA,AHA และ Retinoid ภายใน 2 สัปดาห์แรก
4. หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น อบซาวน่า การทำเลเซอร์ 2 สัปดาห์ เพราะจะทำให้ฟิลเลอร์สลายได้ไว
5. ดื่มน้ำมาก ๆ ฟิลเลอร์คือสารไฮยาลูลอนิคซึ่งมีฤทธิ์ในการอุ้มน้ำ ดูดซับน้ำได้ดี ทำให้ฟิลเลอร์มีความฟู เป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์อยู่นาน แพทย์จึงแนะนำให้ดื่มน้ำให้อย่างน้อยวันละ 8 – 10 แก้ว เพื่อผลลัพธ์ที่ดี
6. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันอาการอักเสบที่อาจเกิดขึ้นได้
7.หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ เป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เกิดอาการอักเสบ มีอาการบวมแดงได้

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ราคาเท่าไหร่?

โปรฟิลเลอร์ Restylane 

1 cc 9,000.- / cc

2 cc 8,750.- / cc

4 cc 8,625.- / cc 

โปรฟิลเลอร์ Juvederm

1 cc 12,500.- / cc

2 cc 12,250.- / cc

4 cc 12,125.- / cc

**ฟิลเลอร์ 4 cc รับฟรี! หน้าใส 60 จุด

รีวิว ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

สรุป

       การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย และเติมเต็ม ร่องแก้มลึก ทำให้หน้าเด็ก ดูละมุน และเรียบเนียนขึ้น โดยฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มผิวที่สูญเสียไขมัน และคอลลาเจนจากอายุที่เพิ่มขึ้น ข้อดีคือช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว อิ่่มฟู ดูเป็นธรรมชาติ เห็นผลหลังทำทันที แบบไม่ต้องผ่าตัดพักฟื้น 

       หากใครที่กำลังมองหาว่า ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี? แนะนำ ฉีดฟิลเลอร์ ที่ LBC CLINIC คลินิกความงามที่โดดเด่นในเรื่องการปรับรูปหน้ามาแล้วกว่า 9 ปี ลูกค้าแน่น จนต้องขยายสาขา เพื่อความสะดวกสบายไม่ต้องรอคิว นำทีมโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการปรับรูปหน้ามาแล้วกว่า 500,000 เคส สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ก่อนทำฟรี  และมีการติดตามดูแลหลังทำ ไม่ทิ้งเคส รวมถึงใช้ยาแท้ที่ตรวจสอบได้ มั่นใจได้ว่าฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ที่ LBC CLINIC ปลอดภัยแน่นอนค่ะ