ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี แนะนำ 4 แบรนด์ดังมี อย. รับรองมาตรฐาน

การฉีดฟิลเลอร์ ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ผู้ที่ต้องการให้ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์มากขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด อย่างไรก็ตาม การเลือกยี่ห้อและคลินิกที่เหมาะสมมีความสำคัญ เพราะไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องโดยตรงกับความปลอดภัยของผู้รับบริการอีกด้วย ฉีดฟิลเลอร์ราคาเท่าไร และควรเลือกแบรนด์ไหนดี บทความนี้จะพาไปดู 4 ยี่ห้อฟิลเลอร์ชั้นนำ พร้อมแจกแจงวิธีเลือกคลินิกที่มีคุณภาพ จะมีอะไรบ้าง มาดูกันด้านล่างนี้เลย

ฟิลเลอร์คืออะไร ?

ฟิลเลอร์ คือสารเติมเต็มที่ใช้ในการปรับแต่งรูปหน้าและแก้ไขจุดบกพร่องบนผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นการลดเลือนริ้วรอย เติมเต็มร่องลึก เพิ่มความอวบอิ่มให้แก่ริมฝีปากและแก้ม โดยปัจจุบัน ยี่ห้อฟิลเลอร์มีอยู่ด้วยกันหลากหลาย ซึ่งอาจแตกต่างกันไปทั้งคุณสมบัติ สัญชาติ และส่วนประกอบ

ฟิลเลอร์มีกี่ชนิด ?

ฟิลเลอร์มี 3 ชนิดหลัก ๆ ซึ่งมีคุณสมบัติและการใช้งานแตกต่างกัน ดังนี้

1. สารเติมเต็มแบบชั่วคราว (Temporary Filler)

ฟิลเลอร์ชนิดนี้มีอายุการใช้งานสั้น โดยทั่วไปอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของสารและบริเวณที่ใช้ ส่วนใหญ่ทำจาก Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ จึงปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งหรือเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ ได้แก่ Restylane และ Juvederm

2. สารเติมเต็มแบบกึ่งถาวร (Semi-Permanent Filler)

ฟิลเลอร์ประเภทนี้มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าแบบชั่วคราว โดยทั่วไปอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี มักทำจาก Hydroxylapatite หรือ Poly-L-lactic Acid ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในผิวหนัง แม้จะมีความคงทนสูงกว่า แต่ก็มีความเสี่ยงในการเกิดอาการข้างเคียงมากขึ้นเช่นกัน ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ ได้แก่ Radiesse และ Sculptra

3. สารเติมเต็มแบบถาวร (Permanent Filler)

ฟิลเลอร์ชนิดนี้มีอายุการใช้งานยาวนานที่สุด สามารถคงอยู่ในร่างกายได้หลายปี หรือแม้กระทั่งตลอดชีวิต มักทำจาก Silicone หรือ Polymethyl Methacrylate (PMMA) ซึ่งมีความคงทนสูงมาก แต่ก็ยากต่อการแก้ไขหรือปรับแต่ง และมีความเสี่ยงในการเกิดปัญหาหรืออาการข้างเคียงสูงกว่าชนิดอื่น ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ ได้แก่ Artefill

ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ? รู้จัก 4 ยี่ห้อฟิลเลอร์ชั้นนำที่ได้รับความนิยมมากที่สุดตอนนี้

สำหรับคนที่สนใจ เรามี 4 ยี่ห้อที่รับประกันความปลอดภัยมาแนะนำ พร้อมราคาฟิลเลอร์แต่ละตัว จะมีอะไรบ้าง มาดูกันด้านล่างนี้เลย

1. ฟิลเลอร์ Neuramis

Neuramis เป็นฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลี ที่กำลังได้รับความนิยมในวงการความงาม ด้วยคุณสมบัติพิเศษของอนุภาคโมเลกุลขนาดใหญ่ ทำให้สามารถขึ้นรูปได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองมาตรฐานจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) และกรมควบคุมคุณภาพของยาในยุโรป (EDQM)

ส่วนประกอบหลัก : Hyaluronic Acid แบบ Cross-linked ซึ่งเป็น สาร HA ที่แต่ละโมเลกุลเชื่อมเกาะกัน ทำให้สารอยู่รวมกันเป็นก้อน สามารถขึ้นรูปเป็นทรงได้ 

คุณสมบัติ : มีความหนืดสูง ทำให้สามารถเติมเต็มและคงรูปได้ดี เหมาะสำหรับการแก้ปัญหาริ้วรอยลึก และการเสริมสร้างโครงหน้า เช่น ร่องแก้มและขมับ 

จุดเด่น : ราคาค่อนข้างย่อมเยาเมื่อเทียบกับฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่น และมีอายุการใช้งานปานกลางอยู่ที่ประมาณ 8-12 เดือน 

เหมาะสำหรับ : ผู้ที่มองหาฟิลเลอร์ที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจนในระยะเวลาปานกลาง โดยไม่ต้องใช้งบประมาณสูง 

ราคาฟิลเลอร์ : เริ่มต้นที่ 9,800 บาท สำหรับปริมาณ 2 CC

2. ฟิลเลอร์ Restylane

Restylane เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสวีเดน ที่ช่วยลดริ้วรอยและเติมเต็มจุดบกพร่องบนใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้รับการรับรองความปลอดภัยจากหน่วยงานระดับสากล ทั้งมาตรฐาน CE (European Conformity) และองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) อีกทั้งยังได้รับอนุญาตให้ใช้ในประเทศไทยอย่างถูกกฎหมาย

ส่วนประกอบหลัก : Hyaluronic Acid แบบ Non-Animal Stabilized (NASHA) หรือสาร HA ที่ไม่ได้สกัดมาจากสัตว์ จึงไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ 

คุณสมบัติ : มีหลายสูตรที่ออกแบบมาเฉพาะเจาะจงสำหรับแต่ละปัญหาผิว เช่น การเติมเต็มริ้วรอยเล็กน้อย การเพิ่มวอลูม หรือการฟื้นฟูความชุ่มชื้นให้แก่ผิว 

จุดเด่น : ความยืดหยุ่นและความสามารถในการเก็บน้ำได้ดี ช่วยให้ผิวดูเต่งตึงและอิ่มน้ำ อายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 8-12 เดือน ขึ้นอยู่กับสูตรที่ใช้ 

เหมาะสำหรับ : ผู้ที่ต้องการความหลากหลายในตัวเลือก และต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ราคาฟิลเลอร์ : เริ่มต้นที่ 18,000 บาท สำหรับปริมาณ 2 CC

3. ฟิลเลอร์ Juvederm

Juvederm เป็นยี่ห้อฟิลเลอร์ที่มาจากบริษัท Allergan ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รับการรับรองความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประเทศไทย ผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงแบบ Hylacross และ Vycross

ส่วนประกอบหลัก : Hyaluronic Acid แบบ Cross-Linked ผ่านเทคโนโลยี Vycross หรือ Hylacross 

คุณสมบัติ : เนื้อเจลเนียนละเอียด เหมาะสำหรับการปรับรูปหน้าและเติมเต็มริ้วรอยลึก เช่น ร่องแก้ม คาง และริมฝีปาก 

จุดเด่น : มีหลายสูตรที่เหมาะสำหรับการใช้งานในบริเวณต่าง ๆ ของใบหน้า เช่น การเติมเต็มริมฝีปาก หรือการยกกระชับหน้า ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน 

เหมาะสำหรับ : ผู้ที่ต้องการฟิลเลอร์ที่มีความนุ่มนวลและให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน ราคาฟิลเลอร์ : เริ่มต้นที่ 25,000 บาท สำหรับปริมาณ 2 CC

4. ฟิลเลอร์ Teoxane

Teoxane เป็นยี่ห้อฟิลเลอร์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประเทศไทย โดยมีความยืดหยุ่นสูง และทนทานต่อการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ

ส่วนประกอบหลัก : Hyaluronic Acid แบบ Cross-Linked 

คุณสมบัติ : มีความยืดหยุ่นสูงและทนทานต่อการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ทำให้เหมาะสำหรับการใช้ในบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวมาก เช่น รอบปาก หรือรอบดวงตา 

จุดเด่น : มีเทคโนโลยีเฉพาะที่เรียกว่า PNT (Preserved Network Technology) ซึ่งช่วยให้ฟิลเลอร์สามารถปรับตัวได้ตามการเคลื่อนไหวของใบหน้าได้ดี อายุการใช้งานประมาณ 12-18 เดือน 

เหมาะสำหรับ : ผู้ที่ต้องการฟิลเลอร์ที่ยืดหยุ่นและคงรูปได้ดีในบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวบ่อย ราคาฟิลเลอร์ : เริ่มต้นที่ 26,000 บาท สำหรับปริมาณ 2 CC

เลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์อย่างไรให้ได้คุณภาพ ?

การเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ที่ปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่ดี มีหลักการง่าย ๆ ดังนี้

1. ตรวจสอบใบอนุญาตและประสบการณ์ของแพทย์

คลินิกควรมีใบอนุญาตที่ถูกต้องตามกฎหมาย และมีแพทย์ที่ชำนาญเฉพาะทางด้านความงามโดยเฉพาะ นอกจากนี้ ควรพิจารณาประสบการณ์ของแพทย์ด้วย โดยสังเกตจากจำนวนเคสที่เคยรักษามาแล้ว

2. พิจารณาคุณภาพของยี่ห้อฟิลเลอร์และการรับรอง

คลินิกที่ดีควรใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เท่านั้น โดยสามารถขอดูใบรับรองจากบริษัทผู้ผลิตได้โดยตรง ทั้งนี้ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานจะช่วยลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์

3. ประเมินความน่าเชื่อถือของคลินิก

พิจารณาจากชื่อเสียง ประสบการณ์ และความเป็นมืออาชีพ นอกจากนี้การดูรีวิวจากลูกค้าเก่าก็เป็นแหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์ แต่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากรีวิวบางส่วนอาจถูกปลอมแปลงได้

4. สังเกตการให้บริการและการดูแลลูกค้า

คลินิกที่มีคุณภาพควรมีการประเมินรูปหน้าและให้คำปรึกษาโดยแพทย์ก่อนทำการรักษาทุกครั้ง และควรมีการติดตามผลหลังการรักษา เพื่อแสดงถึงความใส่ใจและความเป็นมืออาชีพ

5. พิจารณาเทคโนโลยีและวิธีการรักษา

คลินิกที่ทันสมัยควรใช้เทคโนโลยี เช่น การใช้เข็มทู่ (Cannula) ในการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บได้ อีกทั้งควรมีวิธีการรักษาที่หลากหลาย เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาเฉพาะบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

6. ตรวจสอบความโปร่งใสด้านราคาและโปรโมชัน

คลินิกที่น่าเชื่อถือควรมีราคาที่สมเหตุสมผล ไม่แพงเกินไปหรือถูกจนน่าสงสัย และควรระมัดระวังโปรโมชันที่ดูเกินจริง หรือมีเงื่อนไขแอบแฝง

หากคุณกำลังมองหาคลินิกฉีดฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพ ย่านพระราม 9 LBC Clinic คลินิกความงามที่ได้มาตรฐาน และผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข พร้อมการันตีเรื่องผลลัพธ์และคุณภาพ พร้อมให้บริการ เรามีฟิลเลอร์ 4 ยี่ห้อชั้นนำให้เลือก เพื่อตอบโจทย์ตามสภาพปัญหาและความต้องการ ทั้งฟิลเลอร์ Neuramis, Juvederm, Teoxane และ Restylane ดำเนินการโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์สูงด้านหัตถการความงาม ที่จะช่วยแก้ไขปัญหารูปหน้าของคุณให้มั่นใจมากขึ้น เรายินดีให้คำปรึกษาอย่างละเอียดในทุกเคส ติดต่อสอบถามและนัดหมายเข้าประเมินกับแพทย์ได้เลยที่ LBC Clinic ผ่านทาง LINE: @lbcclinic หรือโทร. 092-391-8811 หรือ 02-102-1282 

ข้อมูลอ้างอิง 
Dermal Fillers: What They Are, Types, Benefits & Side Effects. สืบค้นเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2567. จาก https://my.clevelandclinic.org/health/treatments/22667-dermal-fillers.